Messages

มี UI ที่สวยงาม และ มีภาษาไทยด้วยสำหรับ Zorin 18 เนียนมากๆ จะเรียกว่าเหมือน Windows 100% ก็ไม่ใช่เพราะมีกลิ่นอายของ macOS มาด้วย ใน version 18 มีคนดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 1 ล้านครั้ง

สิ่งที่น่ากลัวที่สุด สำหรับผู้ที่ปล่อยให้ license ของ ESXi/vCenter หมดคือ

• ESXi จะขึ้นสถานะ disconnect ออกจาก vCenter
• Virtual Machine ก็จะขึ้นสถานะ disconnect
• การดำเนินการเช่น การเปลี่ยนค่า configuration ทำไม่ได้
• การเข้าถึง vSphere Client ด้วย IP ยังทำได้
• VM ที่ทำงานอยู่จะยังคงทำงานต่อไป แต่ VMware ที่ปิดอยู่จะไม่สามารถเปิดได้อีกต่อไป
• สร้าง VM ใหม่ได้แต่เปิดไม่ได้

14. ทำการติดตั้ง Calico CNI

Code Select Expand

kubectl create -f https://raw.githubusercontent.com/projectcalico/calico/v3.30.2/manifests/operator-crds.yaml

Code Select Expand

kubectl create -f https://raw.githubusercontent.com/projectcalico/calico/v3.30.2/manifests/tigera-operator.yaml

15. ดาวน์โหลด configure

Code Select Expand

curl https://raw.githubusercontent.com/projectcalico/calico/v3.30.2/manifests/custom-resources.yaml -O

*** เลข version อาจจะต้องเปลี่ยนเป็นตัวล่าสุด กรุณาเช็คในเว็บ Calico

16. แก้ค่า network ให้ตรงกับ network ที่ท่านใช้

Code Select Expand

sed -i 's/cidr: 192\.168\.0\.0\/16/cidr: 10.244.0.0\/16/g' custom-resources.yaml
โดยเราใช้ 10.244.0.0 เป็นค่าของเรา

17. แก้ไขไฟล์เข้าระบบ

Code Select Expand

kubectl create -f custom-resources.yaml

8. ทำการติดตั้ง docker ด้วยคำสั่ง

Code Select Expand

sudo dnf install dnf-plugins-core -y

Code Select Expand

sudo dnf config-manager --add-repo https://download.docker.com/linux/centos/docker-ce.repo

Code Select Expand

sudo dnf install docker-ce docker-ce-cli containerd.io docker-buildx-plugin docker-compose-plugin -y

Code Select Expand

sudo systemctl enable --now docker
9. ทำการสร้างไฟล์ config ของ containerd ด้วยคำสั่ง

Code Select Expand

sudo sh -c "containerd config default > /etc/containerd/config.toml"

Code Select Expand

sudo sed -i 's/ SystemdCgroup = false/ SystemdCgroup = true/' /etc/containerd/config.toml

Code Select Expand

sudo systemctl restart containerd.service
10. ทำการติดตั้ง kubernetes ในทุกโหนด ด้วยคำสั่งเพิ่ม repo ก่อน

Code Select Expand

cat <<EOF | sudo tee /etc/yum.repos.d/kubernetes.repo
[kubernetes]
name=Kubernetes
baseurl=https://pkgs.k8s.io/core:/stable:/v1.33/rpm/
enabled=1
gpgcheck=1
gpgkey=https://pkgs.k8s.io/core:/stable:/v1.33/rpm/repodata/repomd.xml.key
EOF

11. ทำการติดตั้งโปรแกรมที่จำเป็น

Code Select Expand

sudo dnf install curl ca-certificates -y

12. ทำการติดตั้ง

Code Select Expand

sudo apt install kubelet kubeadm kubectl -y
13. คราวนี้ ทำการพิมพ์คำสั่ง ---เฉพาะใน master node----

Code Select Expand

sudo kubeadm init --pod-network-cidr=10.244.0.0/16
หลังจากนั้น ระบบจะบอก ข้อมูลให้ท่านพิมพ์ โดยท่านจะต้องพิมพ์ตาม บนหน้าจอ

Code Select Expand

mkdir -p $HOME/.kube

Code Select Expand

sudo cp -i /etc/kubernetes/admin.conf $HOME/.kube/config

Code Select Expand

sudo chown $(id -u):$(id -g) $HOME/.kube/config
นอกจากนั้นท่านจะเห็นว่ามีข้อมูลการ join cluster ซึ่งท่านก็อปปี้และไปพิมพ์ใน worker node

6. ทำการสร้างไฟล์ เพื่อแก้ไขค่าเกี่ยวกับเน็ตเวิร์ก

Code Select Expand

sudo nano   /etc/sysctl.d/k8s.conf

Code Select Expand

net.bridge.bridge-nf-call-iptables  = 1
net.bridge.bridge-nf-call-ip6tables = 1
net.ipv4.ip_forward   = 1

7. พิมพ์ คำสั่งเพื่อโหลดค่าใหม่

Code Select Expand

sudo sysctl --system

จะต้องบอกว่า วิธีการนี้ สามารถนำไปใช้กับ Linux แทบทุกตระกูล ไม่ว่าจะเป็น AlmaLinux หรือ Ubuntu
งั้นเรามาเริ่มกันเลย

1. ทำการแก้ไขไฟล์ /etc/hosts โดยการเพิ่ม host และ ip ของแต่ละตัว เช่น

10.166.1.2 k8s-master
10.166.1.3 k8s-worker1
10.166.1.4 k8s-worker2

2. ทำการ ตั้งชื่อ hostname ในแต่ละ host ให้ตรงกับที่ตั้งไว้ใน /etc/hosts ด้วยคำสั่ง
ใน host แรก

Code Select Expand

sudo hostnamectl set-hostname "k8s-master"
ใน host 2

Code Select Expand

sudo hostnamectl set-hostname "k8s-worker2"
ใน host 3

Code Select Expand

sudo hostnamectl set-hostname "k8s-worker3"

3. ทำการ disable swap ด้วยคำสั่ง ในทุกๆ โหนด/host

Code Select Expand

sudo swapoff -a
4. ทำการโหลด module ที่จำเป็น ในทุกๆ โหนด/host

Code Select Expand

sudo modprobe overlay

Code Select Expand

sudo modprobe br_netfilter
5. สร้างไฟล์เพื่อให้โหลดทุกครั้งที่รีบูต ในทุกๆ โหนด

Code Select Expand

sudo tee /etc/modules-load.d/k8s.conf <<EOF
overlay
br_netfilter
EOF


สำหรับ video ดูได้จากที่นี่เลย

ก่อนทำการอัพเกรด ท่านจะต้อง
1. ใช้ Proxmox VE 8.4.1 เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ท่านจะต้องทำการ ใช้คำสั่ง apt update && apt upgrade เพื่อให้ PVE ของท่านเป็นปัจจุบันที่สุด
2. Ceph ที่ใช้ จะต้องเป็น 19.2 Squid และหากยังไม่ได้ใช้ก็ต้องอัพเกรดก่อน
3. หากท่านใช้ Proxmox Backup Server (PBS) จะต้องทำการอัพเกรดเป็น 4 ก่อน

เริ่มทำการอัพเกรด
1. ใช้คำสั่ง pve8to9 เพื่อเช็คความพร้อม หากขึ้นสีเขียวทุกตัว และ ไม่มีสีแดงก็ทำข้อต่อไปได้เลย

Code Select Expand

pve8to9

2. ใช้คำสั่ง

Code Select Expand

sed -i 's/bookworm/trixie/g' /etc/apt/sources.list
sed -i 's/bookworm/trixie/g' /etc/apt/sources.list.d/pve-enterprise.list

3. ทำการเพิ่ม PVE 9 Repository

Code Select Expand

cat > /etc/apt/sources.list.d/proxmox.sources << EOF
Types: deb
URIs: http://download.proxmox.com/debian/pve
Suites: trixie
Components: pve-test
Signed-By: /usr/share/keyrings/proxmox-archive-keyring.gpg
EOF

มาถึงจุดนี้ท่านจะต้องทำการ remark repo ตัวเดิมในระบบทั้งหมด เช็คใน /etc/apt/sources.list.d/ ถ้ามีไฟล์เดิมอยู่ จะต้องทำการ remark

4. เพิ่ม repo สำหรับ Ceph

Code Select Expand

cat > /etc/apt/sources.list.d/ceph.sources << EOF
Types: deb
URIs: http://download.proxmox.com/debian/ceph-squid
Suites: trixie
Components: test
Signed-By: /usr/share/keyrings/proxmox-archive-keyring.gpg
EOF

6. พิมพ์คำสั่งเพื่อทำการอัพเดท index

Code Select Expand

apt update

7. ทำการอัพเดทและตอบคำถาม แต่ละข้อตาม video

Code Select Expand

apt dist-upgrade

8. ทำการ reboot

Code Select Expand

reboot

9. ทำการปรับเปลี่ยน repo ไปใช้รูปแบบใหม่ด้วยคำสั่ง

Code Select Expand

apt modernize-sources


(1) ดาวน์โหนด gpg key

curl --silent --location -O https://repos.influxdata.com/influxdata-archive.key

(2) ทำการเพิ่มคีย์ ในระบบและทำการสร้าง repo

gpg --show-keys --with-fingerprint --with-colons ./influxdata-archive.key 2>&1 \
| grep -q '^fpr:\+24C975CBA61A024EE1B631787C3D57159FC2F927:$' \
&& cat influxdata-archive.key \
| gpg --dearmor \
| sudo tee /etc/apt/trusted.gpg.d/influxdata-archive.gpg > /dev/null \
&& echo 'deb [signed-by=/etc/apt/trusted.gpg.d/influxdata-archive.gpg] https://repos.influxdata.com/debian stable main' \
| sudo tee /etc/apt/sources.list.d/influxdata.list


(3) ติดตั้ง influxdb
sudo apt-get update && sudo apt-get install influxdb2

(4) ทำการ start service
sudo systemctl start influxdb

และเข้าจัดการทางเว็บที่ http://<ip>:8086

ขอเสริมว่า Windows 11 นั้นมี system requirements ดังต่อไปนี้
TPM 2.0
Secure Boot
4GB RAM
64GB diskspace

ไปดูกันเลย วิธีการ bypass TPM ง่ายมาก ซึ่งบางคนมีปัญหาในการติดตั้ง Windows 11 บน VM และเกิดปัญหาดังกล่าว

3. บูต และ ติดตั้ง virtIO driver
4. ทำการ detach และ attach อีกครั้ง และ ครั้งนี้เลือกเป็น VirtIO
5. ก็จะทำงานได้เป็นปกติ

2. ไปที่ unused disk และเลือก edit เลือกเป็น IDE

สำหรับบางท่านอาจจะเคยเจอปัญหา ที่จะขึ้น INACCESSIBLE BOOT DEVICE และ Windows ไม่สามารถ boot ได้ นั่นก็เป็นเพราะว่า disk driver นั้นไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะที่ migrate มาจาก vmware ให้ท่านทำดังนี้
1. ทำการ detach disk

สำหรับผู้ที่ดาวน์โหลด ESXi 8.0U3e ก็เพราะว่า ตัวฟรีนั้นมีข้อจำกัดจำนวนมาก แต่ที่สำคัญคือ ท่านจะไม่สามารถใช้ vStorage Engine API ได้ผลเสียก็คือท่านจะไม่สามารถใช้ 3rd Party backup เช่น Veeam, Nakivo หรือตัวอื่นๆ ได้เลย เพราะฉะนั้น สำหรับผู้ที่มองหาไปใช้กับ Production ต้องบอกว่าลืมได้เลย

ข้อความที่ท่านอาจจะได้รับเมื่อ ทำการ backup ผ่าน Veeam

7/6/2025 9:17:38 AM :: Processing WinServer2022 Error: Current vSphere license or ESXi version prohibits execution of the requested operation. 
7/6/2025 9:18:32 AM :: Failed to create VM snapshot. Error: CreateSnapshot failed, vmRef 1, timeout 1800000, snName VEEAM BACKUP TEMPORARY SNAPSHOT, snDescription Please do not delete this snapshot. It is being used by Veeam Backup., memory False, quiesce False 
7/6/2025 9:18:40 AM :: Error: Current vSphere license or ESXi version prohibits execution of the requested operation.